อาการเสพติดหน้าฝนนี้ คงจะเริ่มจาก...
ปีที่แล้วมีเรื่องไม่สบายใจ เลยลากเพื่อนออกเดินทางในเดือนฝนตก แต่สิ่งที่เห็นตลอดสองข้างทางในวันนั้น ยังติดตา ติดใจ ติดอยู่ในหัวใจมาจนถึงวันนี้ วันที่ฉันลากเพื่อนออกเดินทางฝ่าสายฝนอีกครั้งด้วยคำพูดง่ายๆ ..
เราตั้งใจฝ่าสายฝนไปที่ " น่ า น น ค ร " เมืองน่ารักๆ ที่ยังติดค้างอยู่ แม้กลับมาแล้วก็ยังรู้สึกติดค้างอีก ..สงสัยต้องได้กลับไปอีกรอบนะ และแน่นอนที่เราต้องมีภาพนี้
ที่ทุกคนต้องแวะมานมัสการทุกครั้งที่มาน่าน อยู่ชานเมือง ไปมาสะดวก เมื่อขึ้นเขาไปแล้วจะเห็นวิวงดงามแบบนี้ค่ะ
และนี่เป็นครั้งแรกที่ได้ถ่ายภาพวัดภูมินทร์ตอนกลางคืน งดงามไปอีกอารมณ์นึงนะ ^^
อยู่ตรงข้ามกับวัดภูมินทร์
และนี่คือ ที่ๆ เราอยากจะมาและวันนี้
ใครที่ชื่นชอบงานศิลปะ เห็นทีจะต้องบอกว่า งานนี้พลาดไม่ได้นะคะ เพราะมีอะไรให้เดินชมได้ทุกมุมเลยจริงๆ ยิ่งบรรยากาศฝนตกหน่อยๆ นี่ยิ่งฟินมากกกก
ลองดูตามต้นไม่สิ มีแบบนี้ทุกต้น ทุกที่ มันเพลิดเพลินเจริญใจจริงๆ นะ
เดินๆ ไปจะเจอเจ้าถิ่นที่ขาดความอบอุ่น เพราะจะเดินมาหามนุษย์แบบมึนๆ นี่แหละ ทำยังกะรู้จักกันมาก่อน 555+
ปล.
ภาพวาดฝีพระหัตถ์
"ตะโกน"
ภาพวาดฝีพระหัตถ์
"กระซิบรัก"
อ.เมือง จ.น่าน
ชอบซื้อโปสการ์ดจากที่ๆ เราไป แล้วส่งหาตัวเอง มันเป็นการบันทึกเรื่องราวการเดินทางของเราที่ฉันชอบมาก กลับจากเที่ยวก็รอรับโปสการ์ดใบนั้น
บางครั้งต้องรอหลายเดือนก็มี ^^
.
ใบนี้ไม่ได้ซื้อนะ ที่หอศิลป์ริมน่านเขาแจกฟรีคนละ 1 ใบ ถ้าจะใช้หลายๆ ใบก็บริจาคเงินด้วยนะคะ
มุมมองลงมาจาก วั ด ภู เ ก็ ต อ.ปัว น่าน เป็นอีกจุดเช็คอินหนึ่งของสายฮิป
เอาจริงๆ นะ มุมมองจากบนวัดภูเก็ต จะสวยงดงามกว่ามุมที่เราลงไปข้างล่างนะ ว่าจะเอาโดรนบิน ฝนก็ตกซะละ เลยได้ยืนชมภาพนี้นานเชียว
เราลงไปข้างล่างกันด้วยนะ บันไดลงอยู่ข้างๆ วัด ซึ่งขั้นบันไดไม่ห่างมาก ผู้สูงอายุเดินขึ้นลงได้สบายๆ เลยค่ะ
ด้านล่างนั้นนอกจากจะมีร้านแฟ 2-3 ร้านแล้ว ยังมีร้านขนมจีนน้ำเงี้ยวแบบชาวบ้านให้เราได้นั่งรับประทานไป ชมวิวไป เหมือนกับที่คนชอบพูดว่า
อันนี้จริงเลย ^^
เป็นอีกหนึ่งเช็คอินของสายหิบ (ฮิปสเตอร์) ต้องมา กาแฟกี่บาทไม่รู้เพราะไม่ได้ซื้อ (คนเป็นแสน) แต่บรรยากาศนั้น วิ ว ห ลั ก ล้ า น อีกแล้วครับทั่น ด้วยความที่เค้าตกแต่งร้านเป็น ตู บ น า มีสะพานไม้ซุงทั้งต้นพาดผ่านตลอด ตากผ้าไหมไว้เรียบรายเป็นฉากหน้า ตัดกับฉากหลังที่เป็นทิวเขาสีเขียวขจีมียอดหมอกสีขาวปกคลุม ด้านล่างยังมีต้นกล้าที่เพิ่งปักดำสีเขียวสวยให้ชื่นชม ยิ่งถ้าเพ่งมองดีๆ จะเป็นปลากตัวเล็กตัวน้อยแหวกว่ายไปมา
บรรยากาศดีๆ แบบนี้มีหรือที่เราจะพลาด ^^
ปล.วิฟิฟรีเด้อ
พ ร้ อ ม ไ ห ม ? เพราะเราจะไป
หลายๆ ท่านทักมาช่วงที่เราเดินทางไปบ่อเกลือ เพราะปีนี้มีดินสไลด์ที่บ่อเกลือด้วย แม่ก็เป็นห่วง พี่ๆ น้องๆ หลายท่านก็ถามข่าวคราวตลอด เราเช็คข่าวจนทราบว่าตรงที่ดินสไลด์นั้นอยู่บ่อเกลือด้านบน ไม่ใช่เส้นทางที่เราจะเดินทางไปค่ะ เราเดินทางจาก อ.ปัว ไป อ.บ่อเกลือด้วยเส้นทางผ่านอุทยานแห่งชาติดอยภูคา ก็อย่างภาพด้านบนนั่นแหละค่ะ ทางเขา คดเคี้ยว หมอกลงหนามากจนแทบมองไม่เห็นเส้นทาง แต่โชคดีที่มีเจ้าถิ่นนำทางตลอดเวลา เราเลยค่อยๆ ขับไปตามเจ้าถิ่นค่ะ
ถึงบ่อเกลือก็ไม่มีที่พักเราเลยตัดสินใจกลับลงไปพักที่ในตัวเมืองน่านเหมือนเดิม เราใช้เส้นทาง บ่อเกลือ-สันติสุข ซึ่งก็เป็นทางเขาคดเคี้ยวและถนนลอยฟ้าเหมือนเดิม จนมาถึง ด อ ย ก ว่ า ง เราแวะพักรถ ถ่ายภาพ ชิมชา แล้วจึงเดินทางต่อ
ออกจากดอยกว่างไปถึงตัวเมืองน่าน วันรุ่งขึ้นทางการสั่งปิดเส้นทางนี้เลยค่ะ เพราะถนนเริ่มปริแตก เกรงว่าจะทรุดตัว ทำให้คนที่จะไป อ.บ่อเกลือใช้ได้เส้นทางเดียว คือ ผ่านดอยภูคาขึ้นมา
.
เราแวะทางเที่ยงที่กว๊านพะเยาค่ะ ลมเย็นค่อนไปทางหนาวๆ ดีมากเลย ^^ ร้านอาหารบริเวณกว๊านพะเยามีให้เลือกหลายร้าน ราคาไม่แพง อาหารอร่อยดี ทานไปชมวิวกว๊านไป
เราไปพะเยาช่วงก่อนที่จะมีขบวนแห่มาที่กว๊าน กว่าเราจะหาทางออกจากบริเวณกว๊านได้ก็แทบแย่ เพราะเขาปิดเส้นทางเข้า-ออกกว๊านเกือบหมด เลยเปิด Google map หาทางเข้าซอยเล็กซอยน้อยเอาเอง กว่าจะออกมาได้ก็กินเวลานานเลยค่ะ
เรามุ่งหน้าเข้า เ ชี ย ง ใ ห ม่ ด้วยเส้นทางหมายเลข 120 ตัด 118 เจอทางกำลังก่อสร้างอีก ฝนตกอีก สภาพของขาวผ่องเละตุ้มเป๊ะไปหมด จากรถสีขาวกลายเป็นทูโทนส้มเหลืองสวยงามมาก 55+
ระหว่างทางเราแวะที่ จุ ด ช ม วิ ว ก ว๊ า น พ ะ เ ย า มุมนี้มองเห็นกว๊านพะเยาและเมืองพะเยาทั้งเมืองค่ะ
.
ปล. ภูเขาที่เป็นฉากหลังของภาพของกว๊านพะเยา คือเขาลูกที่ขึ้นมาชมวิวนี้แหละค่ะ
ต้อนรับเราด้วยสายฝนจ้าาาา ^^
เรามาถึงเชียงใหม่ช่วงบ่ายแก่ๆ รีบตรงไปแถวคันคลองเพื่อหาที่พัก ทริปนี้เราไม่ได้จองที่พักล่วงหน้าเลยซักแห่ง กะไปหาเอาดาบหน้าแบบที่คิดเข้าข้างตัวเองว่า " มั น ต้ อ ง มี " และมันก็มีจริงๆ ค่ะ ไปเที่ยวช่วงเทศกาลหากไม่ได้จองที่พักล่วงหน้าเอาไว้ ลองไปแหล่งใกล้ๆ ที่พักดังๆ มันจะมีที่พักเล็กๆ ดีๆ ซ่อนอยู่ (ที่น่านเราก็ทำแบบนี้)
เราได้ที่พักแถวหลังสนามบินเชียงใหม่ค่ะ ได้เห็นเครื่องบิน Takeoff ทุกเที่ยวบินเลย 555+ เสียงดังใช้ได้
สภาพ ข า ว ผ่ อ ง แบบที่ขึ้นรถต้องระวัง ไม่งั้นมีเลอะเสื้อผ้า 555+
ห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่ไม่ไกล ค่าเข้าชมคนละ 40 บาท หากนำรถยนต์เข้าไปเองคันละ 100 บาท (รวมคนขับ) หรือจะนั่งรอรถนำเที่ยวของทางสวนฯ ก็ได้ค่ะ
สวนแห่งนี้ตั้งบนเขาเลย ทางขึ้นก็ขับรถขึ้นเขาจริงๆ นี่แหละค่ะ ชันบ้างแต่ไม่น่ากลัว ขับขึ้นได้สบายๆ ค่ะ
เรามาที่นี่เพื่อเดินบน SKY WALK แห่งนี้แหละค่ะ เป็นทางเดินลอยฟ้าที่เดินอยู่บนยอดไม้ แถมพื้นที่เราเดินยังเป็นเพียงตะแกรงเหล็ก มองลงไปเห็นข้างล่างด้วย 55+ (กลัวนะ...จะบอกให้) จุดพักให้ยืนชมวิวเป็นกระจกหนาๆ ใสๆ ดีที่ไม่ใสมากไม่งั้นคงน่ากลัวกว่านี้ ระยะทางประมาณ 800 เมตรค่ะ เดินไปชมธรรมชาติ ชมวิวภูเขาและหมอกฝน หากโชคดีอาจได้เห็นกิ้งก่าบิน (Flying dragon) ก็ได้ แต่เราไม่เห็น กิกิ
สำหรับคนที่กลัวความสูงอย่างฉัน วิธีที่จะทำให้เดินได้แบบไม่กลัวคือ มองตรงไปข้างหน้าหรือมองข้างบน อย่าเผลอมองลงด้านล่างเด้อ..มีหนาว
อีกหนึ่งไฮไลท์ของสวนฯ คือ
ที่มีหลายเรือน มีพืชพันธุ์ให้เราชมมากมาย หลายๆ ต้นเราไม่เคยเห็นเลย เช่น ต้นจันทร์กระพ้อ ที่เคยได้ยินชื่อก็เพิ่งจะเคยเห็นต้นเป็นๆ ก็ครั้งนี้แหละค่ะ
เราปิดทริปนี้ที่เชียงใหม่ค่ะ จากที่วางแผนไว้ก่อนหน้านั้นคือ มาเชียงใหม่ที่เดียว ก็เปลี่ยนแผนไม่น่านที่เดียว แล้วยังไงก็ไม่รู้เราได้มาทั้ง น่าน พะเยา เชียงใหม่ ครบหมดเลย ^^
ขอบคุณเพื่อนร่วมทางที่รู้ใจ ทั้งพลขับเชษและเพื่อนตู่ ที่ถูกฉันหลอกให้มาเที่ยวด้วยกัน 555+
เ ที่ ย ว ห น้ า ฝ น ใครว่าไม่สนุกนะ จริงๆ แล้วมันมีความฟินในตัวของมันเองนะ ทั้งเขาคดโค้งชวนให้เมารถ ฝนตกตลอดการเดินทาง แต่คุณจะเจอหมอกฝนตลอดเวลาเช่นกัน นี่แหละ ค ว า ม ฟิ น ที่ฉันชอบมาก
เจอกัน ฝ น ห น้ า นะคะ
สวัสดี ^^