ส ค ป

” ทำไมเลือกไปสิงคโปร์ “

24.10.2557

.

ง่ายๆ เลยนะ

.

ตอนนั้นเปิดเจอโปรของแอร์เอเชียไปกลับ สคป. ถูกดี สี่พันนิดๆ เลยจองกันแบบงงๆ จองกันตั้งแต่เดือนมีนาคม เดือนต่อมาก็หาที่พักสองคืนตกไปประมาณพันสี่ร้อยห้าสิบบาท เดือนต่อมาก็จองตั๋วไปกลับ กทม.-อุบล พันเก้านิดๆ ถัดไปก็จองตั๋ว The Moonlight Adventure 49 sgd จองตั๋วเข้า Universal Studito Singapore ประมาณ 79 sgd เดือนล่าสุดก่อนเดินทางเราจองโรงแรมที่ กทม. ประมาณ 600 บาท

เราค่อยๆ จ่ายไปทีละเดือนทำให้ไม่หนักมากนัก ราคารวมตกที่ประมาณไม่เกิน 12,000 บาท

วันนึง...เราเลยไปปรากฏหายที่ สคป. กัน

.

.

แลกเงินไปเป็นค่ากินค่าเดินทางที่ 25.82 บาทต่อ 1 sgd ฉันแลกไป 7,000 บาท เหลือกลับมา 2,000 บาท รวมทริปนี้ประมาณไม่เกิน 17,000 บาท รวมของฝากด้วยนะ ทริปนี้ไม่มีของฝากมากนักเพราะมันไม่มีอะไรจะซื้อจริงๆ อาหารการกินก็ไม่ได้โดดเด่นอะไร ของฝากก็ไม่ได้มีอะไรพิเศษ เลยจัดมาแค่พวงกุญแจไม่กี่อัน เพราะมันธรรมดามากๆ แต่ก็ดีนะ…ประหยัดเงินดี ๕๕๕

.

สามวันสองคืนในสิงคโปร์เป็นอะไรที่ตื่นตาดีมาก เสียดายที่ไม่มีเวลาเดินเล่นที่ Chinatown เห็นในเน็ตมีที่เดินถ่ายรูปสวยๆ เยอะเลย แต่เรามีเวลาแค่นี้ก็ต้องเลือกไปบางที่เท่านั้น เอาไว้โอกาสหน้า (ถ้ามีเงิน) คงได้กลับไปอีกแน่นอน

.

iPhone5s

.

* sgd = Singapore dollars

” ไปไงมาไง “

.

เราจองตั๋วเครื่องบินไปกลับสิงคโปร์ด้วยราคาโปร์ของ air asia ไปกลับประมาณสี่พันกว่าบาท ตั๋วอุบลกรุงเทพไปกลับอีกประมาณพันเก้าร้อยนิดๆ ยังถือว่าแพงอยู่นะ แต่ด้วยความที่เราค่อยๆ ทยอยซื้อทีละเดือนทำให้เราจ่ายไม่หนัก สามารถจ่ายได้สบายๆ สมฐานะครูบ้านนอกจนๆ

.

บ่องตงๆ บินแอร์เอเชียเล้ว…เมาเครื่องบินอ่ะ

จริงๆ นะ ไม่รู้กัปปิตันขับยังไง นั่งทีไรเมาทุกที ต้องหาลูกอมมาอมไว้ตลอดเส้นทางการบิน เราบินไปอุบล 40-60 นาที บินไปสิงคโปร์ประมาณ 2.30 ชั่วโมง เมาครับทั่น แต่ก็ไม่มากมายอะไร พอได้หายใจหายคออยู่ ไม่เหมือนบินนกแอร์อันนั้นนั่งสบายๆ มาก มีขนมอีกต่างหาก แอร์เอเชียไม่มีอะไรแจกเลย low จริงๆ กิกิ

.


น้องแอร์ไฟลท์จากอุบลไป กทม. ทุ่มครึ่ง น้องๆ เริ่มเยินกันแล้ว หน้าตาไม่ค่อยยิ้มเท่าไหร่อาจเพราะเหนื่อยมาก ภาพข้างล่างนี้เป็นน้องแอร์ไฟลท์ที่ไปสิงคโปร์สายๆ หน่อย หน้าตายังสวยฟรุ้งฟริ๊งอยู่เบย แต่ไม่ค่อยยิ้มเท่าไหร่อาจเพราะหงุดหงินเด็กเป-รตสองคนที่เสียงดังตลอดเส้นทางการบิน พวกเราหงุดหงิดจะแย่แต่พ่อแม่เด็กนอนได้อย่างหน้าตาเฉย ปล่อยให้ผู้ร่วมชะตากรรมทั้งลำต้องทนฟังเสียงลูกของท่าน (มารู้ทีหลังว่าเป็นเด็กฝรั่งผมเงิน) แถมตอนที่เครื่องบินกำลัง takeoff แล้วต้องตีวงเลี้ยว เครื่องจะเอียงก็มีเสียงเด็กน้อยไทยไร้เดียงสาตะโกนออกมาวว่า

.

“เครื่องจะตกแล้วแม่!”

“e dek pred!!!!!! ” (ผดส.ทุกคนคิดในใจพร้อมกัน)

แล้วน้องยังพูดแบบนี้อีกสองสามครั้งโดยที่พ่อแม่ไม่ได้ห้ามอะไรเลย กรูยิ่งกลัวๆ อยู่ T___T แต่ก็ผ่านเหตุการณ์มาได้ด้วยดี ทุกคนสบายใจอาจเพราะได้แอบด่าเด็กและครอบครัวในใจไปแล้ว

.

จริงๆ เค้าไม่ให้ถ่ายภาพแอร์นินา อุ๊ย…พี่ขอโต๊ดดดดด

.

Fuji xpro1+35mm.

.

” ปอด..กรุงเทพ “

” บางกะเจ้า ”

.

"บางกะเจ้า หรือปอดกรุงเทพ เป็นพื้นที่รูปทรงกระเพาะหมูที่ยังคงความเขียวเอาไว้ได้อย่างมากมาย ภายในพื้นที่กระเพาะหมูอันนี้มีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ มีทางปั่นจักรยาน มีบ้านเรือนเก่าแก่ เหมาะกับการหนีจากเมืองกรุงมาสูดออกซิเจนให้ชุ่มปอด"

.

ไม่เคยบินเส้นทางนี้เลย ไม่คิดว่าจะได้เห็นภาพนี้ เคยเห็นภาพนี้ในอินเตอร์เน็ตเยอะมาก ยังนึกสงสัยอยู่เลยว่ามันอยู่ตรงไหนหว่า ?

ภาพนี้ถ่ายได้ระหว่างเครื่องกำลังเลี้ยวตีวงเพื่อเข้าเส้นทางไปสิงคโปร์ ปีกเครื่องเอียงต่ำลงไป ฉันมองเห็นแล้วยกกล้องขึ้นยิงภาพนี้และได้ภาพไม่กี่ใบเพราะเครื่องบินเลยออกไปแล้ว

.

เป็นภาพประทับใจภาพหนึ่งในชีวิตฉัน

.

Fuji xpro1+35mm.

.

” ภาพที่ไม่อยากเห็น “

” ภาพที่ไม่อยากเห็น “

คือภาพที่..ปีกเครื่องบินหายไป นั่นหมายถึง ทัศนวิสัยไม่ดีมากๆ เลย ก่อนเครื่องลงที่สิงคโปร์ กัปตันประกาศว่าจะพาเราบินเล่นก่อนซักสองสามรอบ ประมาณ 10-15 นาที เนื่องจากทัศนวิสัยไม่ดี เอาละสิทีนี้…คนยิ่งกลัวๆ อยู่ด้วย บินไปมองออกนอกหน้าต่างไปก็เห็นปีกเครื่องบินบ้าง ไม่เห็นบ้าง เสียบแว๊บบบบเข้ามาในหัวใจ อยากเห็นแดดมากกว่าแบบนี้นะ

เราบินเล่นประมาณ ๑๐ นาที กัปตันสุดเท่ก็พาเราร่อนลงที่สนามบิน Changi Airport Singapore ได้อย่างปลอดภัย ถึงแม้จะไม่ราบรื่นก็เหอะ .

.

Fuji xpro1+35mm.

เพราะตอนนี้เค้าให้ปิดมือถือแล้ว

.



” ว่าด้วยเรื่อง…การเดินทาง “

” ว่าด้วยเรื่อง…การเดินทาง ”

.

เดินทางในสิงคโปร์มีหลายทางเลือกค่ะ รถบัส รถไฟใต้ดิน แต่คณะเราเลือกเดินทางด้วย T A X I ค่ะ เพราะคณะเรามี ๔ คน นั่งแท็กซี่ได้พอดีไม่เกิน (เค้ากำหนดให้นั่งไม่เกิน ๔ คนค่ะ) คิดดูว่าถ้านั่งรถไฟใต้ดินจากสนามบินมาที่พักแถว Gaylung ประมาณคนละ 6 sgd (เงินไทยคูณ 26 เด้อ) ก็ประมาณ 24 sgd แต่ถ้านั่งแท็กซี่กลับที่พักบวกค่าเข้าเมืองประมาณ 3 sgd รวมประมาณ 20-25 sgd ราคาแทบไม่ต่างกันเลย แต่รถไฟใต้ดินจะโหดกว่าตรงที่ไม่รู้จะขึ้นสถานีไหน แถวเกลังมีสถานีตรงไหนก็ไม่รู้ แถมยังต้องแบกเป้ ลากกระเป๋ากันอีก คาดว่าน่าจะแย่ เลยนั่งแท็กซี่กันตลอดค่ะ สะดวกดี มีไกด์นั่งหน้า

.

.

วันแรกที่เรานั่งแท็กซี่จากสนามบินเข้าที่พัก จนท.เรียกรถให้เป็นแท็กซี่สีดำ ซึ่งต้องบวกเพิ่มอีก 5 sgd ค่ะ อันนี้มารู้ทีหลังว่า (รถดำคิดเงินเพิ่ม..ประมาณรถหรูกว่าปกตินั่นแหละ) ถึงเกลังแล้วยังพาเราขับรถหาที่พักกันอีกระยะ จนพบที่พักที่หลอกตาเรามาก เพราะตอนจองมันดูอลังการมากๆ แต่ความจริงยังกะบ้านคนแน่ะ (ข้างในไม่แย่นะ..สะดวกสบาย)

ค่าแท็กซี่รวมค่าบวกรถสีดำ ค่าเข้าเมืองบวกเพิ่มอีก 10 sgd รวมค่าแท็กซี่รอบนี้ 30 sgd พอดี โอเคน่า..หยวนๆ ดันขึ้นสีดำนี่นา ถ้าขึ้นปกติก็น่าจะประมาณ 20-25 sgd อ่ะนะ

.

หลังจากเข้าที่พักแล้วเราต้องรีบไปห้าง Suntec เพื่อรับตั๋ว The Moonlight Adventure ที่ต้องขึ้นรถตอนหกโมงเย็น เราก็อาศัยแท็กซี่จากที่พักไปอีก นั่งรถไม่ถึง 10 นาทีก็ถึงละ รอบนี้ 7 sgd นิดๆ คือมิเตอร์ขึ้นที่ 5 sgd แต่พอลงรถเค้ากดอีกทีมัน 7 sgd กว่า คณะเราก็งงว่าบวกอะไรแว๊……เลยถามเค้าก็บอกว่า ที่สิงคโปร์ถ้าเข้าในพื้นที่ของ downtown ต้องมีค่าเข้าเมืองด้วยและบวกภาษีด้วย จึงต้องบวกเพิ่มครั้งละประมาณ 2-3 sgd เราก็เลยถึงบางอ้อ

.

ถ้าคณะคุณไปเที่ยวจำนวน 4 คน แบบคณะเราสี่สาวดาวเต้น การนั่งแท็กซี่เป็นทางเลือกที่ดีมากอีกทางนึงนะคะ เพราะหาร 4 ตลอด เราจะได้นั่งรถสบายไม่ต้องเดินทางไกลไปขึ้นรถไฟใต้ดิน แถมยังได้ไปตามเส้นทางใหม่ๆ อีกด้วยค่ะ

.

ปล. เล็งดีๆ อย่าขึ้นแท็กซี่สีโม่สีดำนะคะ เค้าบวกเพิ่ม 5 sgd

ปล.2 แท็กซี่และพลเมืองที่สิงคโปร์พูดภาษาอังกฤษได้ทุกคนค่ะ ไม่ลำบากเลย (เรานี่แหละลำบาก)

.

iPhone5s

.

” ฝรั่งนั่งหน้า “

มีฝรั่งนั่งข้างหน้าเลยมี foreground ตลอดการเดินทาง

แสงน้อย รถวิ่ง ดัน iso ซะสูงลิบ เอากล้องวางบนพนักเบาะแล้วรอกดชัตเตอร์ช่วงที่รถวิ่งใต้แสงไฟ แก้ขัดที่ไม่มีขาตั้งกล้อง

.

ระหว่างทัวร์ moonlight adventure in Singapore ที่เราซื้อตั๋วท่องเที่ยวบามค่ำคืนเอาไว้ที่ราคา 49 sgd (คูณ 26 เด้อ) เค้าพาเราชมเหมืองหลายที่มากๆ นั่งรถบัสเปิดประทุนชนิดที่หัวเหอปลิวไสวไปกับสายลม โชคดีที่มีฝรั่งหนั่งหน้าทำให้เราได้ถ่ายภาพแบบมี foreground ส่วนตัวตลอดเวลา ที่เหลือก็เพียงแค่รอเวลาให้รถผ่านจุดสวยๆ ของเมืองและจุดที่มีแสงไฟส่องน้องฝรั่งให้สว่างวาบ

.

fuji xpro1/35mm.

.


อาคารรูปมือหรือคล้ายดอกบัวแห่งนี้ คือ ตึก Art Science Museum นอกจากจะเป็นพิพิธภัณฑ์ ศิลปะ วิทยาศาสตร์ แล้ว ตึกนี้ยังมีนัยว่า The welcomimg Hand of Singapore อีกด้วย ก็น่าจะเป็นมือมากกว่าดอกบัวนะ

เรือลอยฟ้านี้เป็นโรงแรมและคาสิโนแห่งใหญ่ของโลก แค่ค่าขึ้นไปชมด้านบนก็ปาเข้าไป 50 sgd แล้วอ่ะ อย่าได้หวัดว่าจะได้ย่างกรายเข้าไปเล่นเลยนะ มันไม่สมฐานะอย่างเรา T___T

อาคารย่านธุรกิจของสิงคโปร์ มีทั้งธนาคาร อาคารสำนักงาน และอื่นๆ สวยสดงดงามไม่แพ้ที่ฮ่องกงเลยนะ

ภาพนี้ยิงจากบนรถ City tour ที่พาเราชมเมือง

ขอบคุณน้องฝรั่งที่มานั่งเป็น foreground ตลอดเส้นทางการเดินรถเลย พี่ชอบมาก อิอิ

ถนนหนทางบ้านเค้า โล๊ง โล่ง รถติดน้อยมาก

ส่วนมากเข็นไป ตึ่งโป๊ะ…

.

กลางวันก็รถประมาณนี้แหละค่ะ ไม่ติดมากมายเหมือน กทม. หรือบ้านเราเลย การเดินทางในสิงคโปร์ทำให้กะเวลาในการเดินทางได้ค่อนข้างแม่นยำมากๆ ค่ะ ใช้เวลาไม่กี่นาทีก็ถึงที่หมาย

อันนี้ชอบมากกกกก

.

” มุมแหงน “





S i n g a p o r e F l y e r









S i n g a p o r e F l y e r

มุมแหงนคอมองด้วยความอยากขึ้นมาก แต่ไม่ได้ซื้อตั๋วไว้เลยได้แต่มอง

แต่…มีหรือที่เราจะยอมปล่อยไป ก่อนกลับไทยเราเลยรีบแจ้นไปซื้อตั๋วขึ้นชมวิวมุมสูงซะเลย สนนราคาอยู่ที่ 33 sgd ต่อ 30 นาทีค่ะ บอกเลย..คุ้มสุดๆ ^^

.

Singapore Flyer ตั้งอยู่บริเวณริมปากอ่าวมาริน่า ด้วยความสูงเทียบเท่ากับอาคาร 42 ชั้น หรือ ประมาณ 165 เมตร ทำให้ชิงช้าสวรรค์ หรือ Singapore Flyer กลายเป็นชิงช้าสวรรค์ที่มีความสูงมากที่สุดในโลก Singapore Flyer ประกอบไปด้วยแคปซูลทั้งหมดจำนวน 28 แคปซูล และ ในแต่ละแคปซูลบรรจุนักท่องเที่ยวได้ 28 คน ซึ่งเลข 28 เป็นเลขทางฮวงจุ้ย อย่างที่หลายๆ คนทราบกันว่า คนจีนมองว่าเลข 8 คือเลขแห่งความเจริญรุ่ง ส่วนเลข 28 ก็หมายถึงเป็นการ Double ความเจริญรุ่งเรือง หรือ Double Prosperity ดังนั้นถ้าใครได้มีโอกาสขึ้น Singapore Flyer ก็จะทำให้มีความเจริญรุ่งเรืองในชีวิตเป็นสองเท่า

.

fuji xpro1+35mm.

ดัน iso สูง ดึงเชือกคล้องคอให้ตึง แล้วกดซะ

.

ปล. เราเรียก Singapore Flyer ว่า London eyes ซะจนติดปาก – -“

” แสง สี เสียง “




” แสง สี เสียง ”

.

การท่องเที่ยวชมเมืองสิงคโปร์ช่วงกลางคืนก็เป็นเสน่ห์อีกอย่างนึง

เราซื้อทัวร์ The Moonlight Adventure เอาไว้ สนนราคา 49 sgd เค้าพาเราไปแวะที่ Singapore Flyer เพื่อทางข้าว ณ จุดนี้ให้คูปองทานอาหารเย็นคนละ 5 sgd (แต่เราทานข้าวมาแล้ว..เลยนั่งทานลอดช่องสิงคโปร์แทน)

จากนั้นก็พานั่งรถไปที่ The Gardens by the bay เพื่อชมแสงสีเสียงระบำต้นไม้

พาล่องเรืองชมเมืองทางน้ำที่ Marina bay แล้วก็พาเราไปปล่อยให้ช็อปปิ้งที่ Bugis market เพื่อช็อปปิ้งซึ่งไม่ใช่ทางของเราเลย

เราเดินดูแป๊บเดียวก็นั่งแท็กซี่กลับที่พักละ

.







ถ่ายรายการอะไรไม่รู้..แต่โซฟาแดงโดดเด่นมาก

อ่านชื่อไม่ถูกจั๊กที กิกิ

.

เอาล่ะ…บ้านเมืองเค้าแบ่งเป็นโซนๆ โซนในเมือง donwtown จะมีสำนักงาน ตึกสูงๆ แหละเที่ยว แหล่งช็อปปิ้ง ถ้าเราพักนอกโซน downtown แล้วนั่งรถเข้ามาในโซนนี้จะเสียค่าเข้าเมือง 2-3 sgd ค่ะ

บ้านเมืองเค้าเรียงตัวกันเป็นระเบียบ สวยมากๆ โดยเฉพาะช่วงกลางคืนที่แต่ละตึกปิดไฟแข่งความสวยงามกัน

มันงดงามจนไม่อยากกลับที่พักเลย

บ้านนอกอย่างเราไม่ค่อยได้เห็นตึกสูงเมืองสวยเลยชอบใจใหญ่เลยค่ะ ^^


.

ในโซน downtown นี้ยังมีอีกหลายที่มากๆ ที่น่าจะเดินชม ตอนที่เราล่องเรือผ่านไปจะเห็นเลยว่าบ้านเมืองเค้าสวยงามมาก ผสมผสานหลากหลายวัฒนธรรมตั้งแต่ อังกฤษ จีน อินเดีย อยู่ด้วยได้ได้อย่างลงตัว ไม่ต้องแปลกใจถ้าร้านนึงเป็นจีนและร้านข้างๆ จะเป็นอินเดีย แบบนี้จะเจอทั่วไปเลยค่ะ

ง่ายๆ เลยคนขับรถทัวร์ชมเมืองเป็นจีน คนขับเรือเป็นอินเดีย เจอแบบนี้เป็นเรื่องปกติมาก ในสิงคโปร์เลยมีทั้ง Chinatown และ Little India อยู่ด้วยกัน ทริปนี้เราไปที่ Chinatown แบบไม่ได้เดินชมเมืองทั่วนะคะ กะไปซื้อของกินของฝากเท่านั้น เวลาน้อยค่ะ ทำไงได้ครูยากจนนี่นา ตรงนี้เราได้หมูอบ หมูคลุก หมูอะไรไม่รู้ค่ะ อร่อยดีแต่ราคาแอบแรง

.

Fuji xpro1/35mm.

วางกล้องกับกรอบหน้าต่างเรือ speed 1/15 เพราะอยากให้ภาพชัด ดัน iso สูงหน่อย ไม่กลัวน๊อยซ์เพราะภาพเอามาลงเฟส ในอ่าวไม่มีคลื่นลมเลยทำให้ถ่ายภาพได้ง่าย

ไม่นิยมพกขาตั้งกล้องจึงต้องทำเช่นนี้แล .

.


@Marina Bay

” DURIAN NOT MICROPHONE “

” Durian Opera House in Singapore ”

เห็นภาพนี้ทีไร..ไม่เล่าไม่ได้แล้ว

.

จานหมอนหรืออาจารย์สะหมอนของพวกเราบอกว่า นี่คือ Microphone แบบว่า คนสร้างมี inspiration มาจากหัวของไมโครโฟนน่ะ แต่เพราะหนามแหลมๆ บนหลังคานั้นคนทั่วไปจึงเรียกว่า ทุเรียน Durian และเพื่อความชัวร์ในข้อมูลจานหมอนเลยถามแท็กซี่ว่า

ว้อทดูยูคอลมันน่ะ เอิ้นว่าอีกหยัง…?

แท็กซี่ตอบว่า.. Durian !! (นาทีนี้เพื่อนเฮกันทั้งรถ)

ยัง…ยังไม่พอ แท็กซี่คันที่สอง ชีก็ยังถามเค้าอีกว่า

คนสิงคโปร์เอิ้นอันนี่ว่าอีหยัง ...

แท็กซี่ตอบว่า.. Durian !!

.

มันน่าจะจบได้แล้วนะจานหมอน

ทุเรียนก็ทุเรียนเถอะน่า ยอมๆ เค้าไปเหอะ

ปล.จริงๆ ก่อนหน้านั้นชีถามไกด์ที่พาเรานั่งเรือแล้วนะ ไกด์ก็ให้คำตอบเหมือนแท็กซี่ทั้งสองคันนั้นแล

.

Fuji xpro1+35mm.

.

” ตะลึง ตึง ตึง “




















.

ถามสิว่าประทับใจอะไรที่สุดใน สคป.

ตอบ..!!!

นี่เลยค่ะ Transformers in Universal Studio Singapore สุดๆ เลยค่ะ เป็นการละเล่นที่เราต่อแถวเพื่อเข้าเล่นนานที่สุด คือประมาณ 10-15 นาที (เราไปวันพุธคนไม่ค่อนเยอะเท่า ส-อ แต่ก็ยังเยอะอยู่ดี)

ระหว่างทางเค้าจะบิ๊วอารมณ์เราตั้งแต่ทางเข้าเลยค่ะ จัดฉากเป็นฐานบัญชาการหรือโรงงานหรืออะไรก็ไม่รู้ที่เค้าเก็บชิ้นส่วนของพี่ๆ optimus เอาไว้ เราเดินผ่านช่องทางเดินที่โดนบังคับเดินไปเรื่อยๆ ในนั้นจะเปลี่ยนแสงสีเสียงตลอดเวลา เรียกว่าไม่เหงาระหว่างรอเลย สองข้างทางก็จะมีหน้าจอ บอกปฏิบัติการที่เราต้องเจอ ประมาณว่า เราจะนั่งรถผ่านที่พี่ๆ เค้าต่อสู้กับ แล้วพี่ optimus จะปกป้องรถของเราเอาไว้ไม่ให้ได้รับอันตราย

ระหว่างทางเดินเราพบกับกลุ่มเด็กไทยเยอะมากๆ เด็กๆ คุยกันว่าเค้าต่อคิวรอบที่ 4 ละ

ป้าๆ ทั้งหลายก็ได้แต่มองหน้ากันแล้วคิดว่า มันสนุกขนาดนี้เชียวเหรอ ?? เด็กเอ๋ยเด็กน้อย..ไม่เคยดูหนังกางแปงรึไงจ๊ ?

ตอนแรกเราไม่รู้ว่าจะต้องเจออะไร คิดว่าเป็นโรงหนัง 4D เหมือนเรื่อง Shrake ที่เราดูมาก่อนหน้านั้น ก็ยังคิดว่าแค่ดูหนังทำไมเด็กๆ ต่อคิวถึง 4 รอบแล้วอ่ะ

.

และแล้วความจริงก็ปรากฏ…..


.

เราถูกต้อนเข้าไปนั่งรถแถวละ 4 คน รถคันนึงนั่ง 16 คน อ้อ…ก่อนขึ้นรถเรามีแว่น 2-3-4D ด้วยนะ ใส่ไปด้วยคนละอัน ก็คิดว่า ชิวๆ..อ่ะ เด็กๆ มากเลย สิวๆ ชิ…แค่นั่งรถดูหนัง 3 มิติ ไม่เห็นต้องต่อคิว 4 รอบเลย เด็กหนอเด็ก

.

นั่งรถปุ๊บ ไอ้ตัวกันหลุดออกจากรถก็หนีบเราปั๊บ

อุต๊ะ!!….มีหนีบด้วย

สงสัยกลัวเราหนีลงรถแน่เบย ที่ไหนได้ พี่ๆ หุ่นยนตร์ออกมาต้อนรับเราแล้วก็เริ่มพาเราเข้าสงครามเลยอ่ะ แบบว่า…ในหนังสู้กันยังไง รถก็พาเราเหวี่ยงกันแบบนั้นเลย มันคือ 4 มิติอ่าาาาาาา…มันเหวี่ยงป้าแทบตาย หมดฉากนี้ก็พาไปเหวี่ยงต่อฉากถัดไป แต่ละฉากเราสวมแว่นไว้ยิ่งเหมือนกับเข้าไปอยู่ในของจริงเลย มีบางครั้งที่ระเบิดแล้วมีลูกไฟกระเด็นมาทางเรา รู้สึกเลยว่าลูกไฟมันก็มีความร้อนออกมาจริงๆ

ป้าๆ ทั้ง 4 กรี๊ดแต๋วแตกกันเลยทีเดียวเชียว T____T

.

พี่ optimus มีหน้าที่ปกป้องเราตลอดการเดินทาง ถ้าฉากไหนมีหุ่นมาจับหน้ารถเรา เราก็เหมือนโดนหุ่นยกรถด้วยจริงๆ พี่อ๊อปก็ต้องเข้ามาแย่ง มาปกป้องเรา บางทีมีพลาดหลุดมือ รถหล่นตกจากตึก ป้าๆ สี่คนข้างหลังกรี๊ดแต๋วแตกอีกรอบ มันน่ากลัวมากกกกก ยังกะตกตึกจริงๆ อ่ะ แบบว่า บ้านนอกไม่เคยเจอ ซักพักจะมีช่วงให้ป้าหยุดหายใจ พี่ optimus จะหันมาถามเราว่า

optimus : Are you ok?

ป้าทั้ง 4 : Noooooooo !!!!!

คณะฝรั่งที่นั่งสามแถวหน้าพากันหัวเราะป้าไทยทั้งสี่คน ฮาแตก 5555 ก็กรูไม่โอเคอ่ะค่ะ กรูจะอ้วกกกก มันจับเหวี่ยงซะจนเวียนหัว กว่าจะรอดชีวิตออกมากได้ ป้าแทบเป็นลม

.

มิน่า น้องๆ หนูๆ ถึงมาต่อคิวเป็นรอบที่ 4

ป้าเข้าใจละค่ะลูก

.

iPhone5s

” กิน กิน กิน “

” กิน กิน กิน ”

ว่าด้วยเรื่องกินในสิงคโปร์ แบบว่า คำถามสุดฮอตที๋โดนถามมากที่สุดคือ

“ได้กินลอดช่องสิงคโปร์มั๊ย ??” – -”

.




จัดไป 1 ถ้วยค่ะ

.

จริงๆ ตรงนี้เค้าจัดเป็นโซนขายอาหารที่มีบรรยากาศจี๊น จีน ส่วนนี้ตั้งอยู่ใต้ชิงช้าสวรรค์ Singapore flyer นั่นเอง ตอนที่เราทัวร์ The Moonlight Adventure เค้าจะให้คูปองเรามา 5 sgd เอาไว้ทานข้าวเย็นที่นี่แหละ แต่ด้วยความที่เราไม่ได้อ่านเรากลัวไม่มีข้าวทาน เลยทานที่ห้อง Suntec มาเรียบร้อย พอมาถึงที่นี่ไม่รู้จะกินอะไรเพราะอิ่มมากแล้ว เลยจัดอะไรเบาๆ เช่น…

ลอดช่องสิงคโปร์ เป็นต้น

ถามว่าอร่อยมั๊ย…

ช๊านตอบเลยว่า ม่ายยยยยยย !!!

.

ย้อนนนนนนกลับมาที่ห้าง Suntec จุดขึ้นรถของเรา สักหน่อย

ฉันอยากกิน “ข้าวมันไก่” มากกกก เพราะดูในเน็ตเห็นว่าที่นี่อร่อยเลยขอลองซักหน่อย ข้าวมันไก่สำหรับ 1 คน จะมีเหมือนเราคือ ข้าวมันไก่และซุป ราคา 6.5 sgd แต่ถ้าเซตสำหรับกิน 2 คนจะได้ราคม 12 sgd ฉันกับครูติ๊กเลยเลือกเซตสำหรับ 2 คน ประหยัดไปได้ 1 sgd แน่ะ

ข้าวมันไก่ที่นี่…ไก่อวบมากกกกกกกกกกก แถมให้เนื้อไก่เยอะจริงๆ

กินกันเกือบไม่หมด อร่อยสมอยากจริงๆ ^^

.

ปล. ปกติฉันไม่ชอบกินข้าวมันไก่นะ แต่ดูภาพข้างล่างสิ..


Tips. การโพสภาพอาหาร ควรโพสตอนดึกๆ และขยายภาพให้เต็มจอ กิกิ

แต่ที่น่าร้องไห้คือ ....

น้ำเปล่าที่นี่ขวดละ 1.5 sgd (ประมาณ 39 บาท) ขวดเท่า 5 บาทบ้านเราอ่ะ T__T เจ็บจิตจริงๆ พวกเราเลยแก้ปัญหาความยากจนนี้ด้วยการ พกขวดเปล่าแล้วไปกดน้ำฟรีกินตลอดการเดินทาง เพราะที่นี่จะมีก๊อกน้ำเปล่าให้ดื่มหลายจุดเลย

ปล. น้ำเปล่าราคาเท่ากับน้ำอัดลมเลย

.

เรื่องก๊อกน้ำนี้ฮาจริงๆ ...

วันแรกที่มาถึงสนามบินเราลงจากเครื่องก็วิ่งเข้าห้องน้ำเลย ตอนนั้นทั้งปวดฉี่ทั้งหิวน้ำ O_O จะทำพร้อมกันก็ไม่ได้ เลยเลือกไปฉี่ก่อนแล้วออกมาดื่มน้ำฟรีหน้าห้องน้ำนี่แหละ แล้วไงทีนี้…ไม่เคยดื่มน้ำจากก๊อกกดดื่มเลย เอาปากจ่อๆ แล้วกดน้ำ ปรากฏว่า….ทายซิ กิกิ

ถูกต้องนะค๊าบบบบ…

น้ำไหลเป็นทางไปสู่แก้มได้อย่างหน้าตาเฉย 5555

อุตส่าห์พยายามเอาปากเล็งไว้แล้วนะ แต่ก็ยังพลาด ยังไม่พอ..ลองใหม่อีกที รอบนี้สบายแล้ว แม่นขึ้น สามารถดื่มน้ำจากก็อกได้สบายๆ อิอิ

.

Tips #2 การโพสภาพอาหาร ควรโพสตอนดึกๆ และขยายภาพให้เต็มจอ กิกิ


ชามนี้เรียกอะไร…ฉันไม่รู้ ราคา 3 sgd (ประมาณ 75 บาท) เส้นเยอะมากกกกกก น่าจะหมี่ซัก 4 ก้อนได้ คือ มันเต็มถ้วยเลยอ่ะ เราไปกิน 3 คน สั่ง 3 ถ้วยด้วยความไม่รู้ว่ามันจะเยอะมากขนาดนี้ กินไม่หมดซักคนเลยอ่ะ กินเสร็จรีบชิ่งหนีเลยกลัวเจ๊เค้าจะด่า หาว่าของเค้าไม่อร่อย 555

มันอร่อยอยู่นะคะเจ๊ แต่เจ๊ให้หนูเยอะมากกกกก คือจริงๆ สั่งมาถ้วยเดียวกินกัน 3 คนจะพอดี

ก็หนูไม่รู้..นี่คะ

.

ราคาอาหารที่นี่ค่อนข้างแพงสำหรับครูจนๆ แต่ไม่เจียมอย่างพวกเรา

แต่ก็กินไม่เคยหมดซักทีเพราะอาหารใส่จานหรือชามหรือถ้วยใหญ่มากกกกก คือ ปริมาณสมราคาอ่ะค่ะ แบบกินคนเดียวไม่หมดอ่ะ

บางอย่างเราสั่งมาจานเดียวแล้วกินด้วยกันจะพอดี อย่างในรูปนี้ เห็นแบบนั้นจานใหญ่มากนะ

อาหารที่นี่จะมีแบบจีน แบบแขก แล้วแต่จะเลือกกิน เราเลือกแบบจีนมากกว่า ก็จะออกมันๆ รสชาติไม่จัดจ้านเท่าไหร่

ภาษาแถวบ้านก็ว่า..ไม่อร่อย นั่นเอง

ส่วนอาหารแบบแขกยังไม่กล้าลองค่ะ ใครไปลองก็มาเล่าให้ฟังด้วยเด้อ งานนี้ขอผ่านก่อน

.